Tune in Tokyo The Gaijin diaries สวรรค์ชั้นโตเกียว

10:24 PM NidNok Koppoets 0 Comments

สวรรค์ชั้นโตเกียว
Tune in Tokyo The Gaijin diaries
(Tim Anderson เขียน, จิตราพร โนโตดะ แปล, สำนักพิมพ์มติชน, 2013) 

[01/2015]


เราได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับญี่ปุ่นที่วางอยุ่ล้นแผงหนังสือ มุมมองจากคนไทยต่อญี่ปุ่นนั้นจะออกไปในทางชื่นชม แม้จะมีมุมที่แตกต่าง แต่ความเป็นเอเชียเหมือนกันทำให้เราพอจะเกทพฤติกรรมบางอย่างของญี่ปุ่นได้ เป็นความรู้สึกแบบที่ต้องเป็นคนเอเชียด้วยกันถึงจะมองตากันแล้วเข้าใจ 

แต่กับ Tune in Tokyo ของทิม แอนเดอร์สันมันต่างออกไปหน่อยตรงที่เป็นการมองญี่ปุ่นด้วยสายตาของคนจากอีกซีกโลกนึงเลย น่าจะเป็นหนังสือที่พูดถึงญี่ปุ่นที่ไม่ได้เขียนโดยคนไทยเล่มแรกเลยมั้งที่เราเคยอ่าน ทำให้ช่วงแรกๆ ต้องปรับตัวเหมือนกัน เพราะเราจะงงว่า ฮะ เรื่องแค่นี้มึงตืนเต้นทำไมวะ ก่อนจะนึกได้ว่า อ้อ ตาทิมนี่แกฝรั่งจ๋าเลยนะโว้ย

หนังสือเล่มนี้เป็นบันทึกช่วงเวลา 2 ปี ของทิม แอนเดอร์สัน เกย์ชาวอเมริกัน รู้สึกซังกะตายกับชีวิต ไร้ซึ่งแรงบันดาลใจ ไม่รู้จะทำอะไรต่อ เลยนึกขึ้นมาได้ว่า ครั้งสุดท้ายที่หัวใจโลดแล่นเป็นสุข คือตอนที่ได้ออกเดินทางสมัยเรียนจบใหม่ๆ ว่าแล้วทิม แอนเดอร์สัน ก็ใช้ความเป็นอเมริกันชนให้เป็นประโยชน์ ด้วยการสมัครเป็นครูสอนภาษาอังกฤษให้กับประเทศที่สปีคไม่คล่อง และปลายทางของเขาคือกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น 

อีกหนึ่งอย่างที่เราไม่ค่อยได้เคยอ่าน คือความในใจของครูสอนภาษาอังกฤษให้กับนักเรียนเอเชียผู้ขี้อาย ซึ่งตาทิมแกเขียนระบายเอาไว้ซะจนต้องมานั่งนึกว่าเราเคยได้ทำบาปทำกรรมอะไรเอาไว้กับทีชเชอร์ฝรั่งบ้างรึเปล่า เวลาเรียนเราก็จะคิดถึงแต่ความเครียดอันเกิดจากความเขินไม่กล้าพูดของเราเอง แต่หารู้ไม่ว่า ครูฝรั่งแกก็เครียดพอๆ กับเรา เครียดเพราะรู้สึกเหมือนตัวเองสอนอากาศ พูดใส่กำแพง ไม่มีสัญญาณตอบรับจากสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในห้อง เออ เพิ่งรู้สึกเห็นใจอาจารย์ก็ตอนนี้ 

แต่ถึงอย่างนั้น สองปีของทิมในญี่ปุ่นก็มีอะไรเซอร์เรียลเกิดขึ้นเยอะแยะ ทั้งจากเพื่อนร่วมงาน ลูกศิษย์ และตัวแกเอง ทิมเป็นเกย์ปากร้าย นี่ขนาดแปลมาแล้วยังสัมผัสได้ว่าถ้านั่งคุยกับอีนี่กูต้องแพ้แน่ๆ จริงๆ อยากอ่านเวอร์ชันต้นฉบับ เพราะน่าจะมันส์กว่านี้ แต่หาซื้อในเมืองไทยไม่เจอเลย แต่เล่มแปลดดนคุณจิตราพร โนโตดะ ก็มิได้ยิ่งหน่อย บางช่วงมันเป็นภาษาไทยที่มันส์มากจนอยากรู้เลยว่าภาษาอังกฤษมันเขียนว่ายังไงถึงแปลมาได้เป็นประโยคนี้คะ 

อ่านเล่มนี้เหมือนกับได้ทำความเข้าใจมนุษย์สองชาติในคราวเดียว ทั้งเมกันทั้งญี่ปุ่นเลย...

0 comments: