คิดถึงวิทยา : เป็นหนังรักไปเหอะ

11:41 AM NidNok Koppoets 0 Comments

คิดถึงวิทยา ( 2014, นิธิวัฒน์ ธราธร, B- )




(เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของหนังนะคะ)

หนังสนุกนะ คือมันมีความเป็นละครมาก บันเทิงมาก จุดเปลี่ยนทั้งหลายแหล่ที่มีในเรื่องนั่นถ้าเกิดดูละครหลังข่าวมาตลอดชีวิตก็จะเดาออกได้ไม่ยากเลย เช่น ครูสองเห็นแฟนตัวเองไปแว๊นกับผู้ชายคนอื่นแบบจะๆ แล้วก็ไม่ได้ผิดคาด ก็คือเค้าเป็นชู้กัน ทิ้งเธอแล้วล่ะบาย ส่วนครูแอนที่ดูเหมือนความรักจะดี อยู่ดีๆ ก็มีผู้หญิงท้องมาปรากฏตัวแล้วมันก็จบละ รู้เลย เหมือนเป็นสมการเลย ทั้งที่จริงๆ หญิงท้องนั่นอาจจะมาหาลูกคนโตที่อยู่ในห้องนั้นก็ได้นะ แต่เราดูละครมาเยอะไง ก็รู้ได้เลยโดยอัตโนมัติ ว่าอีแฟนมึงต้องไปฟาดนางจนท้อง จนเค้าต้องโย้ๆๆๆ มาแสดงตัวไงยะ และเราชินกับความบันเทิงแบบนั้นไง มันเลยสนุก มันเลยเชื่อ แม้ว่ามันจะน้ำเน่าและซ้ำซากมากแค่ไหน แต่เราก็ยินดีที่จะเชื่อ เชื่อแบบ เออ...เอาน่า แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาดูต่อ

มันจะโอเคเลยถ้าหนังวางตัวเองให้เป็นหนังรักจนสุดทาง เพ้อฝันไปเลย แล้วจะใส่ฉากอภินิหารใดๆ ลงไปให้เต็มที่ก็ทำ ไม่ต้องมาพยายามสะท้อนภาพสังคม และอ้างอิงอุดมการณ์ความเป็นครูอันเป็นอาชีพของตัวเอกของเรื่อง คือเราเห็นความพยายาม แต่มันแทบจะไม่ได้ทำหน้าที่อะไร เลย มันไม่เข้มข้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ แล้วแถมยังไป Romanticize ให้โรงเรียนกลางน้ำซะอีก เอ้อ ดีเว้ย โรงเรียนมีสระว่ายน้ำใหญ่ที่สุดในโลก เด็กๆ ได้เรียนได้เล่น เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง แม่งผ่านมาสองปี เด็กป.1 ขึ้น ป.3 เพิ่งจะสะกดคำได้ โห นี่ไม่ใช่เรื่องน่าดีใจแบบลูบหัวเด็กแล้วบอกว่า เก่งจังเลยหมึก เฮ้ยย ทำไมครูไม่สอนนนน

มันดูเหมือนคิดมากเกินไปใช่มั้ย แต่เราว่านี่สำคัญนะ เพราะยิ่งถ้าใส่เรื่องครูเข้าไปมากๆ เพื่อขับด้านจิตวิญญาณอุดมการณ์ของตัวละครให้ออกมาเยอะ แสดงว่าเรื่องด้านนี้มันต้องพัฒนาไปด้วยนะ แต่หนังมันพัฒนาไปด้านเดียวคืออีครูสองคนนี่มันรักกันมากขึ้นๆ ในมิติความเป็นครูนี่ไม่ได้มากขึ้นเลย เราตกใจนิดนึงว่าทำไมครูแอนต้องตกใจขนาดนั้นตอนที่ ช่อนบอกว่า "ไม่รู้จะเรียนไปทำไม ผมอยากจับปลาช่วยพ่อ" มันเป็นการมองเด็กด้วยสายตาแบบชนชั้นกลางในเมืองม๊ากกกก ว่าเธอต้องเรียนหนังสือนะ ไม่งั้นอนาคตของเธอจะไม่ดี ยังมีอีกหลายอย่างให้เธอทำ เป็นหมอ เป็นวิศวะ (แต่เห็นเด็กในเมืองพ่อแม่มีเงินส่งให้เรียนโรงเรียนที่ไม่มีห้องเรียนนะ นั่งเรียนใต้ต้นไม้ ทำโครงงาน ไม่เน้นการสอบเข้ามหาลัย ปลูกข้าวปลูกผักกันในเมืองนี่เลย และค่าเทอมแพงมาก อ่ะย้อนแย้งมั้ยยย) เฮ้ย เด็กนี่รถไฟก็ยังไม่เคยเห็นเลย เรียนโรงเรียนที่โคตรจะไม่มีอุปกรณ์ใดๆ เลย ยังคาดหวังให้เขาเป็นหมอเป็นไรอีกเหรอ ได้ งั้นถ้าจะคาดหวัง ไปช่วยเขาดิ เบนเส้นเรื่องช่วงหลังไปเลย เป็นการให้ครูแอนที่ไม่ไหวแล้วกับระบบการศึกษาห่วยๆ ของประเทศนี้ลุกขึ้นสู้ พาเด็กออกมานั่งประท้วง พวกเราอยากเรียนแบบโรงเรียนในเมืองบ้าง ส่งทีวีดาวเทียมมาให้กูดูหน่อยก็ได้ อยากเห็นรถไฟ นี่มันเกิดสมถะไปแล้ว มันคือขาด ครูต้องไปสู้เพื่อสิทธิทางการศึกษาของเด็กให้ได้ ไม่งั้นก็ไม่ต้องมาอินว่าฉันเป็นครูอยู่ในเขื่อนในเขา เวรี่เท่ ปฏิเสธระบบการศึกษาในโรงเรียนใหญ่ๆ เพราะจริงๆ แล้วครูแอนไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ ครูแอนแค่ชอบเขียนไดอารี่มากไปหน่อย

ส่วนเด็กนักเรียน น่ารักน่าเอ็นดู เป็นคาแรกเตอร์แบบเด็กจีทีเอชเลย แต่เด็กมันไม่โตขึ้นเลยค่ะ ผ่านมาสามปี ตัวเท่าไหนเท่านั้นเลยค่ะ น้องช่อนที่ดูวัยรุ่นสุด อยู่ป.6 เป็นช่วงที่โตเร็วโคตรๆ ซ้ำชั้นไปสามปีเสียงไม่แตกเลยค่ะ น้องที่ฟันหลอก็หลอซ้ำซ้อนไปสามปี อ่ะตัดเรื่องกายภาพออกไปก็เค้าถ่ายกันไม่กี่เดือน เสียดายที่น่าจะใช้ประโยชน์จากตัวเด็กๆ พวกนี้ได้อีกเยอะเลย คือเด็กมันคาแรกเตอร์ชัดเจน แต่ไม่มีเรื่องราวซัพพอร์ตใดๆ ทั้งสิ้น (ยกเว้นช่อน) เพราะว่าหนังมันไม่ได้เอมว่าจะพัฒนาเรื่องของครูและนักเรียนไง เด็กเลยกลายเป็นลูกสมุน เป็นกามเทพ เป็นสื่อรักที่น่ารักๆ ทำให้ความรักของครูสองคนเบ่งบาน เราเสียดาย


นึกถึงหนังสองสามเรื่องที่คล้ายๆ คิดถึงวิทยา หนึ่งคือหนังญี่ปุ่น Closed Note (2007) หญิงสาวได้พลังใจเติมไฟในการอยากเป็นครูจากการอ่านไดอารี่ของผู้เช่าห้องเดิมที่เป็นครูเหมือนกัน (แถมยังชอบผู้ชายคนเดียวกันด้วยนะ) สอง Kikansha Sensei (2004) อดีตนักกีฬาเคนโดที่ประสบอุบัติเหตุจนเป็นใบ้ กลับไปที่บ้านเกิดของแม่ที่เป็นเกาะกลางน้ำ ต้องนั่งเรือเข้าไป เพื่อไปเป็นครูตามความหวังของพ่อและแม่ แม้จะเป็นใบ้ แต่ก็สามารถสอนเด็กๆ จำนวนเท่าหยิบมือได้ และทำให้เด็กๆ มองเห็นความฝันของตัวเองชัดเจนขึ้น หนังสะท้อนภาพหลังสงครามด้วย ว่าการศึกษาคือความหวังในการสร้างชาติขึ้นมาใหม่ของคนญี่ปุ่น สุดท้ายคือ Silenced (2011) หนังเกาหลี ที่กงยูสุดหล่อมาเล่นเป็นครูที่ไปสอนในโรงเรียนเด็กเป็นใบ้ ก่อนจะพบว่าในโรงเรียนที่เขาสอนนั้นมีปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศหมักหมมอยู่ และการพยายามตีแผ่เรื่องนี้ทำให้เขาเป็นคนร้าย การตรวจสอบไม่ได้เป็นไปโดยง่ายและเรื่องแม่งโคตรเศร้า

... ที่นึกถึงเพราะว่า ถ้าจะไปเรื่องรักนะ ไปตาม Closed Note เลย คือมันแตะเรื่องครู และเป็นจิตวิญญาณในระดับปัจเจกพอ ไม่ต้องต่อสู้กับระบบ และคอนดิชั่นที่ตัวละครเจอมันไม่ได้ป่าเขาเท่าที่ครูแอนเจอ เป็นครูในเมืองคุยกับครูในเมืองไป ถ้าจะเล่นเรื่องฉาก ว่าที่ที่ไปอยู่มันป่าเขากันดาร และจะ Romanticize ฉากหลัง ก็ต้องให้เกียรติกับคนในพื้นที่ด้วย ใน Kikansha Sensei ชุมชนที่เกาะมีผลต่อเรื่องมาก เข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับครูจนถึงขั้นเป็นจุดเปลี่ยน เราได้เห็นอารมณ์พ่อแม่เด็กที่มาโวยวายว่าทำไมส่งครูใบ้มาสอนลูกชั้น (พอๆ กับสงครูพละคิดเลขไม่เป็นมาสอนเด็กกลางน้ำ) คือเราไม่เห็นชีวิตอื่นๆ ของคนที่แพกลางน้ำเลย เราไม่แน่ใจว่าเค้าจะอยู่กันยังไงวะ แต่เท่าที่เห็นครูสองครูแอนเดินทางสัญจรไปกลับแพ ไปกลับเมืองเชียงใหม่ มันก็ดูไม่ได้ยากเย็นอ่ะ แบบตัดภาพมาก็นั่งรถแดงไปเชียงใหม่แล้ว มันเลยสงสัยเหมือนกันว่าแล้วทำไมไม่ส่งเด็กไปเรียนที่บ้านแก่งวิทยาสาขาใหญ่ไปเลยวะ เพราะอยู่แพก็ต้องอยู่ประจำ ไปเรียนในเมืองก็อยู่ประจำเหมือนกัน แก้ปัญหาแปลกดี และสุดท้ายถ้าครูแอนอยากสู้กับระบบ ต้องสู้ให้สุดใจไปเลยอย่างที่กงยูสุดหล่อทำใน Silenced ขบถให้สุด ฟาดฟันกับผอ. กับอีครูแก่ กับว่าที่ผัว ลุยไปเลย เอาให้ดราม่า (ตอนแรกก่อนดูนี่คาดหวังเลยนะว่าครึ่งหลังหนังแม่งต้องดราม่าหนักๆ แต่ก็ไม่หนิ 555)

ที่ยกตัวอย่างไม่ได้เพื่อเปรียบเทียบ แค่อยากเสนอว่าเออหนังครูมันมีอีกหลายทางเลยอ่ะ ที่มันทำให้เราเห็นความเป็นอาชีพครูชัดขึ้นจนน้ำตาจะไหล เพราะถ้าเมื่อเริ่มปลุกวิญญาณครูในตัวละครขึ้นมาแล้วก็ต้องยอมรับนะว่าคนดูคาดหวังแน่ๆ

ส่วนด้านดีเราว่างานภาพ กำกับภาพโดย นฤพล โชคคณาพิทักษ์ ดีมากเลยนะ เป็นส่วนที่ดีที่สุดเลย การแสดงของบี้ ไม่รู้สึกว่าเป็นการแสดงเท่าไหร่ เพราะเวลาเห็นบี้ไปสัมภาษณ์ออกรายการต่างๆ ก็เป็นแบบนี้ ส่วนพลอย ทำให้เรานึกถึงจูนในรักแห่งสยามได้ แม้จะมีบางตอนที่ร่างกะรัตเข้าสิงนาง เดินเหวี่ยงๆ แล้วก็เถียงแว้ดๆ พลอยในลุคเสื้อยืดกางเกงยีนส์ขาดนี่น่ารักและมีเสน่ห์มากเลยนะ อยากให้อยู่แพไปเรื่อยๆ ไม่ต้องกลับมา อยู่จนเป็นเพื่อนกับปลาไปเลยนะ

อีกที คิดถึงวิทยาเป็นหนังรักในระดับพอใช้ เป็นหนังบันเทิงในระดับที่ดี และเป็นหนังครูที่น่าผิดหวังไปเยอะเลย  ไปดูกันเถอะ