JP14 EP.15: Shika - กวาง

9:05 PM NidNok Koppoets 0 Comments

15.
鹿
Shika กวาง 


ความฟินทั้งหมดจะมารวมตัวกันอยู่ในวันนี้...

หลังจากตอนเช้าเก็บข้าวเก็บของ ปิดกระเป๋าเดินทางที่จัดเอาไว้อย่างดีด้วยความยากลำบาก (เพราะมันเต็มแล้ว) กอดปุ๊กกี้ไปหนึ่งที ก็อำลาห้องพักที่อุตส่าห์ให้เราอาศัยนอนอยู่หลายคืน เดินลากกระเป๋าน้ำหนักกว่า 25 กิโล เป้แน่นๆ อีกหนึ่งใบ ฝ่าความหนาวชิบหายในยามเช้า มุ่งหน้าสู่สถานีโอซากา เราจะเอากระเป๋าไปฝากใน Coin Locker แล้วไปเที่ยวแบบตัวปลิวๆ ที่เมืองนารา ที่หมายหนึ่งเดียวในดวงใจประจำทริปนี้ 

ตั้งแต่จองตั๋วมาลงโอซากา และแพลนว่าจะเที่ยวเฉพาะแถบคันไซ นาราเป็นเมืองแรกที่คิดถึง และกากบาทตัวแดงเอาไว้เลยว่าดิฉันจะต้องมาเมืองนี้ให้จงได้ เพราะอยากจะมาศึกษาเมืองหลวงเก่าแก่ อันเป็นจุดเริ่มต้นนของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมญี่ปุ่นตั้งแต่เมื่อพันปีก่อนอย่างนั้นหรือ เปล่าเลยค่ะ เราจะมาตามรอยละครที่อายาเสะเล่นกันที่นี่ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด

The Fantastic Deer-Man ( 鹿男あをによし Shikaotoko Aoniyoshi) เป็นซีรี่ส์ปี 2008 นำแสดงโดยทามากิ ฮิโรชิ (Tamaki Hiroshi) และ อายาเสะ ฮารุกะ (Ayase Haruka) โดยละครทั้งเรื่องมีฉากหลังอยู่ที่นารา และเล่าเรื่องของเมืองนาราเองนี่แหละ คือเมื่อซักพันกว่าปีก่อนมีความเชื่อว่าแผ่นดินตรงเมืองนารานี้มีเทพเจ้าอยู่เป็นพันๆ องค์ และเหล่าเทพเจ้าก็จะใช้สัตว์คือ หนู จิ้งจอก และกวาง เป็นผู้ส่งสารให้กับมนุษย์ ทีนี้พอเวลาผ่านไป มนุษย์เก่งขึ้นก็เริ่มหลงลืมเทพเจ้า ที่กำลังจะเตือนว่า ปลาดุกยักษ์ที่นอนอยู่ใต้ผืนดินเนี่ยมันกำลังจะขยับตัว และถ้ามันดิ้นเมื่อไหร่ แผ่นดินจะไหวอย่างหนัก ภูเขาไฟฟูจิจะระเบิด ญี่ปุ่นจะเข้าสู่ยุคภัยพิบัติ แต่มันจะแก้ไข้ได้ ด้วยการเอา "สามเหลี่ยม" ไปวางเพื่อสะกดจุดไม่ให้ปลาดิ้น ซึ่งหนู จิ้งจอก และกวาง จะต้องไปหาผู้รับสารที่เป็นมนุษย์ มาทำภารกิจกู้โลกนี้ให้สำเร็จให้ได้

ละครทั้งเรื่องก็เลยวนเวียนอยู่ที่เมืองนารา เห็นทุกแลนด์มาร์คสำคัญๆ ที่เราจะเคยอ่านในหนังสือท่องเที่ยว และเพราะที่นารามีกวางเยอะ ตัวละครหลักอีกตัวนอกจากพระเอกนางเอก ก็เลยเป็นกวางพูดได้ที่เดินบ่นไปตลอดทั้งเรื่อง ส่วนเมืองนาราที่เราเห็นในละครก็จะถูกย้อมเป็นสีแปลกแปร่ง ม่วงบ้าง ส้มบ้าง แต่ก็สวย เด็ดขาดทุกวิว ทำให้ตั้งจิตตั้งใจเอาไว้ว่าจะต้องมาเที่ยวนาราให้ได้ 

แล้วตอนนี้ก็อยู่ที่นาราแล้วค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา....

ลงจากรถไฟมาด้วยความกระดี๊กระด๊าลืมสภาพอากาศหนาวเย็นไปเลย มีคุณลุงชาวญี่ปุ่นคนนึงแกถึงกับต้องเหลียวหน้ามามองว่าอีเด็กนี่มันจะยิ้มอะไรนักหนา มึงเป็นบ้ารึเปล่า แต่ตอนนั้นพนิตชนกคือเดินยิ้มอยู่คนเดียว มันสดชื่นไปหมด เพราะสิ่งเดียวที่คิดตอนนั้นคือ บนแผ่นดินแดนอาทิตย์อุทัยที่กว้างใหญ่ไพศาล อายาเสะคงต้องเคยเหยียบไปที่ไหนบ้างเราไม่รู้หรอก แต่นี่แน่ๆ แผ่นดินนาราตรงนี้ ที่เรายืนอยู่นี่ อายาเสะต้องเคยมาถ่ายละครที่นี่แน่นอน อากาศตรงนี้เธอเคยหายใจเข้าไปในปอดแน่นอน โว้ยยยย ได้ยืนหายใจอยู่ที่เดียวกับอายาเสะโว้ยยยยยยยยยย

ค่ะ เป็นคนบ้าไปแล้วจริงๆ

เราเดินตามทางมุ่งหน้าสู่ Nara Park ไปเรื่อยๆ ก็ตามป้ายบอกทาง และคลื่นมหาชนไปเลย เพราะทุกคนจะไปที่นั่นหมด (แหนะ รู้เค้าอีก) เดินออกจากสถานีมาได้สิบก้าวก็เจอกวางแล้ว และหลังจากนั้นก็เจอทุกครึ่งก้าว กวาง กวางเต็มไปหมดเลย เป็นอารมณ์เดียวกับไปลพบุรีแล้วใช้ชีวิตร่วมกับลิง หรืออยู่กรุงเทพแล้วเจอมอเตอร์ไซค์วิ่งบนฟุตบาท

สเต็ปความตื่นเต้นของนักท่องเที่ยวจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือพอเดินมาได้นิดนึงเริ่มเจอกวางตัวแรก เราจะขอเรียกพวกมันว่ากวางต้นทาง กวางกลุ่มนี้จะมีความสามารถในการทนเสียงกรี๊ดได้เป็นพิเศษ เพราะมันดักอยู่ต้นทาง นักท่องเที่ยวเลยจะตื่นเต้นดี๊ด๊ามากหน่อย หยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปกันใหญ่ อุ๊ยตัวนี้น่ารัก ถ่ายรูปหน่อยๆๆ เดินไปอีกร้อยเมตรเจอกวางเพิ่มอีกห้าสิบตัว ความตื่นเต้นเมื่อร้อยเมตรที่แล้วเริ่มเจือจาง จากนั้นก็จะชินกับกวางไปเลย ซึ่งกวางกลางทางถือเป็นกวางที่ซวยหน่อย เพราะไม่มีใครตื่นเต้นกับมันแล้ว รูปก็ไม่ค่อยถ่าย คิดว่าในหมู่กวางน่าจะมีระบบการจัดการในกลุ่มพวกมัน พวกกวางฝึกงานหรือน้องใหม่ น่าจะอยู่ในกลุ่มกวางกลางทาง ถ้าผลงานดีถึงจะได้โปรโมทให้ไปอยู่จุดอื่น 

เมื่อเราเริ่มปรับตัวให้คุ้นชินกับกวาง เราก็จะวางเฉยเมื่อเดินชนมัน หรือเห็นมันนอนทำหยิ่ง ในใจคิดอย่างเดียว ว่าไอ้กวางพวกนี้นี่มันเคยเข้าฉากละครบ้างมั้ย ถ้าเคยก็แสดงว่าพวกแกต้องเคยได้กระทบไหล่อายาเสะมาแล้วน่ะสิ อยากจะเข้าไปพูดคุยกับพวกมันบ้าง นี่ก็พยายามเรียก "ชิกะซัง" เผื่อว่าจะมีตัวไหนหันมาพูดด้วย ก็ไม่มีใครตอบรับ ไอ้พวกนี้คงเป็นกวางหน้าใหม่แน่ๆ 

เดินมาจนถึงปากทางเข้าวัดโทไดจิ (Todaiji) ก็เรียลไลซ์แล้ว ว่านี่กูมาอยุธยานี่หว่า เพราะตรงนั้นนอกจากจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ยังพบเด็กนักเรียนตั้งแต่ประถมปลายยันมัธยมปลาย มากันเป็นรถบัส วันนั้นคือน้องๆ มากันมากกว่ายี่สิบโรงเรียน คงคล้ายๆ กับเราที่ต้องไปอยุธยา มาวัดพระแก้ว ให้ครบถ้วนตามหลักสูตร กลับมาก็ส่งรายงานนิดๆ หน่อยๆ ที่เหลือคือเป็นการไปถ่ายรูปกับเพื่อนนอกโรงเรียนมากกว่า 

มีฉากนึงในละคร Shikaotoko นี่แหละ เป็นตอนที่พระเอกย้ายมาอยู่ที่นาราวันแรก พวกครูๆ คนอื่นตกใจมากที่พระเอกบอกว่าเคยมานาราเป็นครั้งแรก เพราะวันที่ต้องมาทัศนศึกษาดันป่วยอะไรซักอย่าง เลยขาดเช็คลิสต์ในชีวิตไปเลยหนึ่งข้อ (คาแรกเตอร์ของพระเอกในเรื่องคือเป็นคนดวงซวยมากๆ) เหมือนเป็นนักเรียนไทยไม่เคยไปวัดใหญ่ชัยมงคลที่อยุธยายังไงอย่างงั้น

กวางตรงจุดนี้ถือว่าเป็นกวางชนชั้นนำ คือคงมีการคัดเลือกกันมาแล้วว่า เออ วันนี้พวกเอ็งมาอยู่ตรงหน้าวัดนะ เพราะตรงนี้รายได้จะดีสุด (รายได้ในที่นี้คือเซมเบ้) การซื้อขายคล่องตัวมาก กวางก็อินกันแบบอินฟินิตี้ แถมสกิลการแอ็คท่าให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปจะต้องเป็นเลิศ ทำตัวหยิ่งๆ แต่พอกล้องมาก็เล่นกล้องพอเป็นพิธี แต่ศัตรูของกวางแถวนี้ก็คือพวกเด็กฮอร์โมนนี่แหละ ถ้าพูดได้กวางคงบอก "พวกมึงหยุดแกล้งกูซักที ส่วนอีพวกผู้หญิงนี่เลิกพูดคาวาอี้ได้แล้ว กูรู้แล้วว่ากูน่ารัก" ช่างเป็นกวางขี้หงุดหงิดจริงๆ 

จริงๆ ตั้งใจมาแล้วว่าจะซื้อเซมเบ้เลี้ยงกวางเพื่อให้ครบเช็คลิสต์ แต่เอาเข้าจริงๆ เงินจะซื้อข้าวกินเองยังแทบจะไม่พอ การจะเจียด 500 เยนให้อาหารกวางในช่วงวิกฤติแบบนี้จะดูเป็นคนใจกว้างผิดที่มากไปหน่อย และจากที่มองๆ ดู ไอ้การให้อาหารกวางก็ไม่ได้สนุกขนาดนั้น ก็หากินเองแล้วกันนะมึง จึงเพิ่มเงินอีกนิดหน่อยซื้อไอติมกิน ... เดี๋ยวนะ เมื่อกี๊บอกว่าไม่มีเงินจะกินข้าวแล้ว กูนี่มันเป็นคนอ่อนแอจริงๆ 

เนื่องจากเมืองนารามีเยอะอยู่สองอย่างหนึ่งคือกวาง ซึ่งพูดถึงไปแล้วในตอนนี้ อีกอย่างที่เยอะคือเด็กนักเรียน เดี๋ยวตอนหน้าจะเขียนถึงไว้นิดหน่อย จึงขอจบตอนนี้ไปแบบดื้อๆ เลย...








0 comments: