Usagi Drop: มีลูกกันเหอะ

11:40 PM NidNok Koppoets 1 Comments


Usagi Drop『うさぎドロップ』(2011), B+
Director: SABU
Cast: Kenichi Matsuyama, Ashida Mana, Mirei Kiritani, Karina


ไดคิจิ คาวาชิ (Kenichi Matsuyama) พนักงานบริษัทธรรมดาหน้าตาจืดและโสด เขาได้ไปร่วมงานศพของคุณตา และได้พบว่าคุณตาได้ทิ้ง ริน คางะ (Ashida Mana) ลูกสาววัย 6 ขวบเอาไว้ข้างหลัง ท่ามกลางญาติพี่น้องที่ต่างก็มีข้ออ้างนานาที่จะไม่รับเด็กคนนี้ไปเลี้ยง ไอคิจิยืนขึ้นและรับอาสาที่จะดูแลเด็กหญิงที่มีศักดิ์เป็นน้าของตัวเองคนนี้ไว้เอง และจากการตัดสินใจในวันนั้น ไดคิจิได้พบว่า การเลี้ยงดูเด็กหนึ่งคนให้เติบโตขึ้นมาไม่ใช่เรื่องง่ายหรือเท่ หากแต่มันมีรายละเอียดมากมายที่เขาจะต้องเรียนรู้

ชอบวิธีการเล่าเรื่องในช่วงเปิด ที่ทำให้หนังไม่เหมือนกับหนังแนวพ่อแม่บุญธรรมเรื่องอื่นๆ แต่หลังจากนั้นมันก็ดำเนินเรื่องไปตามที่ควรจะเป็น แต่หนังก็ยังมีไสตล์ของซาบุปนมาเบาๆ เช่น ฉากที่ตัวละครต้องวิ่งออกไปเพื่ออะไรบางอย่าง, ชีวิตที่น่าเศร้าของมนุษย์เงินเดือน, ด้านที่มีชีวิตชีวาของคนที่ดูเหมือนจะเป็นพลเมืองชั้นสองอย่างผู้ใช้แรงงาน และมุขหักมุมที่ยังพอมีอยู่บ้าง แต่ไม่จัดจ้านเหมือนเรื่องก่อนๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นเสน่ห์ของหนังซาบุ ส่วนวิธีการกำกับเรื่องนี้ของซาบุคือไม่มีสคริปต์ เพื่อให้ได้รีแอ็กชั่นที่เป็นเปนธรรมชาติมากๆ ของนักแสดงแต่ละคน


การแสดงของ Kenichi ดีมาก ในหลายๆ ฉากที่ธรรมดามาก เช่นการไปเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าเด็กในห้าง หรือฉากที่เขานั่งดูการแสดงของเด็กอนุบาล เคนอิจิมีแววตาท่าทางของความเป็นพ่อ ดูอบอุ่นและน่ากอดมากจนอยากได้มาเป็นพ่อของลูก แต่กระนั้นด้านที่เป็นมนุษย์เพี้ยนๆ ก็ยังคงมีอยู่ และพาลให้นึกถึงสมัยที่เขาแสดงเป็นเคราเซอร์ซังใน Detroit Metal City (2008) 

อีกอย่างที่ช่วยให้หนังน่าดูและดำเนินไปได้ก็คือเคมีที่เข้ากันของ Kenichi และหนู Ashida Mana ที่ฝีมือการแสดงโตเกินอายุ แม้หลังๆ ฉันจะค่อนข้างเบื่อกับการเห็นน้องโหมเล่นโฆษณาและเริ่มจริตเยอะเกินไป แต่ในหนังเธอก็เป็นเด็กธรรมดาที่พอจะเชื่อได้ถึงความน่ารัก และน่าสงสาร ท่าทางว่าดวงน้องคงจะถูกโฉลกกับบทเด็กกำพร้า เพราะเท่าที่รู้ก็ปาไปสามเรื่องแล้วที่นางได้เล่นแนวนี้ (ซีรี่ส์เรื่อง Mother, ซีรีส์เรื่อง Marumo no Okite และเรื่องนี้ Usagi drop)
หนังเรื่องนี้ดี แต่ก็ยังไม่ถือว่าดีมาก เพราะด้วยความที่มันเล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพ่อและลูกบุญธรรม แวดล้อมด้วยความสัมพันธ์ของครอบครัว ญาติพี่น้อง และเพื่อนร่วมงาน ยังมีพื้นที่ให้ทำอะไรอีกมากแต่หนังยังไม่ได้ทำไปถึงตรงนั้น ฉากไคลแม็กซ์ หรือฉากที่เป็นจุดเปลี่ยนทั้งหลายยังไม่รู้สึกว่ามันมีน้ำหนักมากพอ แต่ก็นั่นแหละ คือพอมันเป็นเรื่องของมนุษย์ เป็นความสัมพันธ์ มันก็จะมีพื้นที่สีเทาๆ ให้เรารู้สึกว่า เออ มันก็คงพอจะเป็นไปได้แหละนะ

ส่วนประเด็นของหนังที่ว่าด้วยเรื่องของครอบครัว การเป็นพ่อแม่ ปัญหาเด็กกำพร้าหรือเด็กที่ครอบครัวไม่สมบูรณ์ ก็ถือว่าหนังนำเสนอในด้านสว่างให้เราดู เป็นด้านที่มีความหวังและจัดการได้ ถ้าอยู่เมืองไทยหนังเรื่องนี้คงสังกัดค่าย GTH เพราะมันค่อนข้าง feel good เอาเข้าจริงๆ หนังเปิดประเด็นในความเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องร้ายเอาไว้ในหลายฉาก ตั้งแต่ตอนเริ่มที่เราได้เห็นบรรดาญาติพี่น้องหัวใจเย็นชา, ฉากในโรงเรียนอนุบาล ความสัมพันธ์ระหว่างรินจังกับเพื่อนร่วมชั้น หรือฉากหนุ่มปริศนาหน้าหื่นๆ ปรากฏตัวตอนที่เด็กน้อยสองคนกำลังเดินหลงทาง เรื่องพวกนี้คือปัญหาที่เด็กๆ จะได้เจอ และสามารถเอาไปขยายความและนำเสนอได้อีกหลายทางมาก แต่ฉันว่าก็โอเคแล้วที่ Usagi Drop เลือกที่จะไม่ไปสนใจกับอะไรพวกนี้มาก ปล่อยให้เป็นแค่รายละเอียดของหนัง แล้วมุ่งไปนำเสนอด้านบวกเพื่อคลี่คลายไปในทางที่ดีมากกว่า

อย่างที่ในเรื่องว่า การมีลูกทำให้เรามีความสุข แม้ว่าจะต้องเสียสละอะไรบางอย่างไป เพื่อแค่ได้เห็นเขาในตอนที่เราตื่น และเห็นเขากลับบ้านมาในตอนเย็นอย่างปลอดภัย เห็นป่ะว่ามันฟีลกู้ดขนาดไหน มีลูกกันเหอะ